คุณกำลังมองหาวิธีทําบาร์โค้ดสินค้าที่ถูกต้องและปลอดภัยอยู่ใช่ไหม? การทําบาร์โค้ดสินค้าไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์และยอดขายของสินค้าได้ วันนี้ทีมงาน Sticker to You ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบฉลากสินค้ามาแนะนำวิธีทําบาร์โค้ดสินค้าแบบง่าย ๆ ใน 4 ขั้นตอน พร้อมให้บริการการสร้างบาร์โค้ดคุณภาพอีกด้วย
บาร์โค้ดสินค้า คืออะไร?

บาร์โค้ดสินค้า (Product Barcode) คือ ตัวเลขหรือสัญลักษณ์ที่อยู่บนฉลากสินค้า ใช้แทนข้อมูลของสินค้าชิ้นนั้น เช่น ชื่อ ราคา วันหมดอายุ ซึ่งสามารถอ่านผ่านเครื่องสแกนบาร์โค้ดได้อย่างรวดเร็ว บาร์โค้ดจึงช่วยให้การจัดการและขายสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หลายคนยังสงสัยว่า บาร์โค้ดนั้นทำขึ้นมาได้อย่างไร วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้กัน
วิธีทำบาร์โค้ดสินค้า
เมื่อเรารู้แล้วว่า “บาร์โค้ดสินค้า” คืออะไร ต่อไปเราจะมาดูวิธีทําบาร์โค้ดสินค้ากัน ซึ่งสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้!

1. เลือกระบบบาร์โค้ด
การเริ่มต้นสร้าง Barcode ให้กับสินค้า สิ่งแรกที่ต้องคำนึงคือ การเลือกมาตรฐานหรือระบบบาร์โค้ดที่เหมาะกับประเภทสินค้าและตลาดที่จะวางขาย มาตรฐานที่นิยมใช้กันได้แก่
- UPC (Universal Product Code): มาตรฐานที่ใช้ในอเมริกาเหนือ
- EAN (European Article Number): มาตรฐานที่ใช้ในยุโรปและทั่วโลก
- ISBN: สำหรับหนังสือ
- QR Code: สำหรับข้อมูลมากกว่าตัวเลข
เมื่อเลือกมาตรฐานบาร์โค้ดได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปของวิธีการทําบาร์โค้ดคือ การขอรหัสบาร์โค้ดอย่างเป็นทางการ
2. ขอรหัสบาร์โค้ดอย่างเป็นทางการ
เพื่อให้ได้รหัสบาร์โค้ดที่ถูกต้องและไม่ซ้ำซ้อนกับสินค้าอื่น เราจึงต้องขอรหัสจากหน่วยงานที่กำกับดูแลมาตรฐานบาร์โค้ด ดังนี้
- สมัครกับ GS1 (องค์กรที่ดูแลมาตรฐานบาร์โค้ด) ในประเทศของคุณ
- ชำระค่าธรรมเนียมเพื่อรับเลขประจำตัวผู้ผลิต (Company Prefix)
- สร้างรหัสสินค้าแต่ละรายการ
หลังจากได้รหัสมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปของวิธีการสร้างบาร์โค้ด คือการนำรหัสไปสร้างบาร์โค้ดด้วยซอฟต์แวร์
3. สร้างบาร์โค้ดด้วยซอฟต์แวร์
การสร้างบาร์โค้ดสินค้าจากรหัสที่ได้ เราจะใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการแปลงรหัสเป็นภาพกราฟิกบาร์โค้ด ซอฟต์แวร์ที่นิยมใช้มีทั้งแบบจ่ายเงินและฟรี ได้แก่
- ใช้โปรแกรมสร้างบาร์โค้ด เช่น:
- BarTender
- ZebraDesigner
- โปรแกรม Microsoft Word หรือ Excel (มีเครื่องมือพื้นฐาน)
- เว็บไซต์ฟรีเช่น Barcode Generator
เมื่อได้ไฟล์กราฟิกบาร์โค้ดแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายของวิธีสร้างบาร์โค้ดสินค้า คือการพิมพ์บาร์โค้ดและทดสอบการใช้งาน
4. พิมพ์บาร์โค้ด
การพิมพ์บาร์โค้ดให้คมชัดและสแกนง่าย จะทำให้การทําบาร์โค้ดของเราเสร็จสมบูรณ์ ควรคำนึงถึงประเด็นเหล่านี้
- ใช้เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดโดยเฉพาะสำหรับคุณภาพที่ดีที่สุด
- เลือกวัสดุที่เหมาะสม (กระดาษ, พลาสติก, ฟิล์มกันน้ำ)
- ทดสอบการสแกนก่อนการผลิตจำนวนมาก
ประเภทของบาร์โค้ด
นอกจากมาตรฐานหลักที่กล่าวไปแล้ว ยังมีบาร์โค้ดประเภทย่อยอีกหลายแบบ ที่นิยมใช้ในวงการธุรกิจและอุตสาหกรรม ได้แก่
EAN-13
บาร์โค้ด EAN ประเภทที่ใช้กันแพร่หลายที่สุด เหมาะสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป บาร์โค้ดจะประกอบด้วยตัวเลข 13 หลัก ซึ่งเป็นรหัสประเทศ, รหัสบริษัทผู้ผลิต, รหัสสินค้า และรหัสตรวจสอบ
Code 39
Code 39 เป็นรหัสบาร์แบบเส้น ใช้ง่ายและรองรับอักขระได้หลากหลายทั้งตัวเลข ตัวอักษร และสัญลักษณ์พิเศษบางอย่าง จึงนิยมใช้ในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือ
UPC-A
UPC เป็นมาตรฐานที่แพร่หลายในอเมริกาเหนือโดยเฉพาะสหรัฐฯ บาร์โค้ดประกอบด้วยตัวเลข 12 หลัก และใช้กับสินค้าอุปโภคบริโภคเช่นเดียวกับ EAN
ITF
ITF ใช้เพื่อระบุสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ที่มีรหัส GTIN (Global Trade Item Number) เนื่องจากสามารถพิมพ์โค้ดบนพื้นผิวเรียบและโค้งงอได้ดี
ความสำคัญของบาร์โค้ดสินค้า
บาร์โค้ดสินค้ามีประโยชน์มากมายต่อการบริหารจัดการธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น:
- ช่วยให้ติดตามและตรวจนับสต็อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว
- ลดข้อผิดพลาดและเวลาในการป้อนข้อมูลด้วยมือ
- อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ผลิต ผู้ขาย และลูกค้า
- ใช้เชื่อมโยงกับราคาและโปรโมชั่นได้อย่างอัตโนมัติ
- ทำให้สินค้าและแบรนด์ดูเป็นมืออาชีพ น่าเชื่อถือมากขึ้น
ดังนั้น การมีบาร์โค้ดจึงเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ในยุคดิจิทัล
หากสนใจออกแบบทําบาร์โค้ดสินค้าให้ธุรกิจของคุณ Sticker to You ยินดีให้บริการ!
ทีมงานมืออาชีพของ Sticker to You พร้อมให้คำปรึกษาและให้บริการออกแบบการทําบาร์โค้ดสินค้าตามมาตรฐานสากล รวมถึงจัดพิมพ์ฉลากสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า รับประกันความพึงพอใจและการใช้งานจริง หากสนใจสามารถติดต่อขอใช้บริการจากเราได้ทันที เราพร้อมช่วยให้สินค้าของคุณโดดเด่นเป็นที่จดจำด้วยบาร์โค้ดที่ทันสมัย
สรุป
วิธีทําบาร์โค้ดสินค้านั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงทำความเข้าใจ 5 ขั้นตอนหลักคือ เลือกมาตรฐาน, ขอรหัส, สร้างกราฟิก, พิมพ์ลงบนสติกเกอร์ และทดสอบใช้งาน หากต้องการความสะดวกรวดเร็วและมั่นใจในคุณภาพ การใช้บริการออกแบบและพิมพ์จากผู้เชี่ยวชาญอย่าง Sticker to You ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทำให้คุณมีบาร์โค้ดที่ได้มาตรฐานและเหมาะกับสินค้าของคุณแน่นอน อย่ารอช้า เริ่มสร้างบาร์โค้ดให้สินค้าของคุณได้แล้ววันนี้!
คำถามที่พบบ่อย
ฉันจะสร้างบาร์โค้ดให้สินค้าได้อย่างไร?
คุณสามารถสร้างบาร์โค้ดให้กับสินค้าของคุณได้โดยทำตาม 5 ขั้นตอนง่าย ๆ คือ
- เลือกมาตรฐานบาร์โค้ดที่เหมาะกับสินค้าและตลาด
- ขอรหัสบาร์โค้ดอย่างเป็นทางการจากองค์กรกำกับดูแล
- ใช้ซอฟต์แวร์สร้างกราฟิกบาร์โค้ดจากรหัส
- พิมพ์บาร์โค้ดลงบนฉลากหรือสติกเกอร์
- ทดสอบสแกนบาร์โค้ดก่อนใช้งานจริง
ฉันจะตั้งรหัสบาร์โค้ดได้อย่างไร?
ในการตั้งรหัสบาร์โค้ด สิ่งสำคัญคือต้องขอรหัสอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐานบาร์โค้ดในประเทศ เช่น GS1 Thailand เพื่อให้ได้รหัสที่ถูกต้องและไม่ซ้ำกับสินค้าอื่น โดยต้องสมัครสมาชิกและเสียค่าธรรมเนียมตามจำนวนรหัสที่ต้องการ จากนั้นจึงนำรหัสที่ได้ไปสร้าง Barcode ด้วยซอฟต์แวร์ต่อไป
ฉันจะขอบาร์โค้ดสินค้าได้อย่างไร?
วิธีการขอบาร์โค้ดสินค้าอย่างเป็นทางการ ต้องสมัครเป็นสมาชิกกับองค์กรกำกับดูแลมาตรฐานบาร์โค้ดในประเทศ เช่น GS1 Thailand โดยชำระค่าสมาชิกและค่าธรรมเนียมตามจำนวนบาร์โค้ดที่ต้องการ จากนั้นคุณจะได้รับรหัสประจำตัวบริษัท(Company Prefix) เพื่อนำไปสร้างรหัสสินค้าในขั้นตอนต่อไป
บาร์โค้ด 13 หลัก มีอะไรบ้าง?
บาร์โค้ด 13 หลักที่พบบ่อยคือบาร์โค้ดมาตรฐาน EAN-13 ซึ่งใช้กับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป โดย 13 หลักจะประกอบด้วย:
- 3 หลักแรก เป็นรหัสประเภทสินค้า
- 4-5 หลักถัดไป เป็นรหัสบริษัทผู้ผลิต
- 5 หลักถัดไป เป็นรหัสสินค้าแต่ละรายการ
- 1 หลักสุดท้ายเป็นรหัสตรวจสอบความถูกต้อง
Sticker to You มีทีมมืออาชีพพร้อมให้คำปรึกษาและบริการวิธีทําบาร์โค้ดสินค้าตามมาตรฐานสากล ทั้งการสร้าง Barcode การขอรหัส การออกแบบกราฟิก ไปจนถึงการพิมพ์ฉลากที่คุณภาพสูงและราคาคุ้มค่า รับประกันความพึงพอใจและการใช้งานจริง หากสนใจสามารถติดต่อขอใช้บริการจากเราได้ทันที เราพร้อมยกระดับสินค้าและแบรนด์ของคุณให้โดดเด่นด้วยบาร์โค้ดที่สวยงาม มีมาตรฐาน สร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าของคุณ